การปฐมพยาบาลผู้ป่วยถูกงูกัด

          สถานการณ์ผู้ป่วยที่ถูกงูกัด ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขทั่วโลก ทำให้มีอัตาความพิการและเสียชีวิตอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะในโซนของทวีปแอฟริกาและทวีปเอเชีย มีรายงานจำนวนผู้ป่วยที่ถูกงูพิษกัดอยู่ระหว่าง 421,000 – 1,841,000 ราย/ปี ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่าง 20,000 – 94,000 ราย/ปี (4) ประเทศไทยอยู่ระหว่าง 7,000 – 10,000 รายต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นงูพิษที่มีผลต่อระบบประสาท ระบบโลหิต และระบบกล้ามเนื้อ (3)

งูในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่

งูพิษกัด, ปฐมพยาบาล, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูมีพิษ

ลักษณะของแผลที่ถูกงูมีพิษกัดจะ "มีรอยเขี้ยว 2 รู" มักมีเลือดออกเล็กน้อย หรือเป็นรอยเขียวคล้ำ

งูไม่มีพิษกัด, ปฐมพยาบาล, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูไม่มีพิษ

ลักษณะของแผลที่งูไม่มีพิษกัดจะเป็นรอยฟันเล็กๆ เรียงเป็นแถว ไม่มีรอยเขี้ยว อาจพบเป็นรอยแดง

งูพิษในประเทศไทย

           ผู้เขียนจะแบ่งกลุ่มของงูออกตาม “ฤทธิ์ของพิษงู” ว่าพิษมีผลกระทบต่อระบบใดของร่างกาย เมื่อพิษเข้าสู่ร่างกาย ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 

พิษงูที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxicity)

         พิษงูที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาท หมายถึง พิษงูมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาท (Neurotransmitter) บริเวณรอยต่อของระบบประสาทส่วนปลายและกล้ามเนื้อ “โดยเริ่มจากกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ก่อน” เช่น กล้ามเนื้อหนังตา กล้ามเนื้อการพูดการกลืน กล้ามเนื้อสำหรับหายใจ แขน ขา ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ไม่สามารถทำงานได้ ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้ และเกิดภาวะอัมพาต (3) พิษของงูกลุ่มนี้จะเป็นโปรตีนขนาดเล็ก สามารถซึ่มผ่านเข้าหลอดเลือดได้โดยตรง พิษจึงออกฤทธิ์ได้เร็ว (8)   อาการที่เราสามารถตรวจพบได้เมื่อพิษงูเริ่มทำลายระบบประสาทคือ 

         หนังตาตก คือ ถือเป็นอาการแรกๆ ที่เราสามารถตรวจพบได้ เมื่อพิษงูเริ่มส่งผลการทำงานของระบบประสาท  ผู้ป่วยจะไม่สามารถลืมตาได้ หรือ “หนังตาตก”  ทำให้เราเข้าใจว่า “หากผู้ป่วยถูกงูกัด ต้องพยายามปลุกผู้ป่วยไว้ อย่าให้ผู้ป่วยหลับ เพราะจะทำให้เสียชีวิตได้ความเป็นจริง “ผู้ป่วยไม่ได้ง่วงนอน แต่อาการหนังตาตกเกิดจากพิษของงูไปทำลายการเชื่อมต่อของระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อเปลือกตา ที่ทำหน้าที่หลับหรือลืมตา” ดังนั้นผู้ป่วยจึงไม่สามารถลืมตาได้แม้จะไม่ได้อยู่ในภาวะของการง่วงนอน   

          กลืนลำบาก พูดไม่ชัด คือ เริ่มมีปัญหาของกล้ามเนื้อบริเวณปาก และคอ ผู้ป่วยจะมีน้ำลายยืดเนื่องจากไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ และมีลัษณะการพูดที่เปลี่ยนไป เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดไม่สามารถควบคุมได้   

          หายใจลำบาก หรือหยุดหายใจ เนื่องจากการหายใจของเราต้องใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ เมื่อพิษงูไปยับยั่งการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ “เรื่องนี้ถือว่ามีอันตรายถึงชีวิตอย่างรวดเร็ว”   

          งูพิษที่มีฤทธิ์ต่อระบบประสาทในประเทศไทยที่พบบ่อยๆ คือ งูจงอาง งูเห่า งูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลา  

งูจงอาง, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูจงอาง (King cobra)

งูจงอาง เป็นงูที่มีขนาดใหญ่ และเป็นอันตรายคือ ลำตัวยาวระหว่าง 200-450 เซนติเมตร แผ่แม่เบี้ยได้ ลำตัวยาว สีน้ำตาลแดงอมเขียว มีนิสัยดุ ปกติจะเลื้อยช้าแต่จะมีอาการว่องไวมากเมื่อตกใจ พิษมีฤทธิ์ต่อระบบประสาท อาการจะเกิดขึ้นรวดเร็วเนื่องจากงูจงอางจะมีปริมาณพิษปริมาณมาก เพราะมีตัวขนาดใหญ่ ปริมาณพิษที่ปล่อยออกมาต่อการกัด 1 ครั้ง จะสามารถฆ่าช้างได้ 1 ตัว หรือทำให้คนเสียชีวิตได้ถึง 20 คน (6) ซึ่งเกิดจากหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น

งูเห่า, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูเห่า (Cobra)

 งูเห่า ลำตัวยาว 100-180 เซนติเมตร เป็นงูที่มีอันตราย เนื่องจากมีมีนิสัยที่ดุร้าย เมื่อตกใจหรือเผชิญหน้ากับศัตรูจะทำเสียงขู่ฟู่ๆ เช่นเดียวกับงูจงอาง งูเห่าจะแผ่แผ่นหนังที่อยู่บริเวณลำคอออกเป็นแผ่นเรียกว่า "แม่เบี้ย" พิษของงูเห่าเป็นพิษต่อระบบประสาทที่รุนแรง จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยที่ถูกกันเสียชีวิตได้ งูเห่าจะมีหลายสี ตามสายพันธ์

งูสามเหลี่ยม, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูสามเหลี่ยม (Banded Krait)

งูสามเหลี่ยม มีความยาวของลำตัวระหว่าง 100-180 หรืออาจถึง 200 เซนติเมตร ลำตัวมีสีดำสลับเหลือง เป็นปล่องๆ ที่มีขนาดใกล้เคียงกันทั้งลำตัว แนวของกระดูกสันหลังจะยกตัวสูงเด่น ทำให้ลำตัวมีลักษณะสามเหลี่ยม หากินเวลากลางคืน มีพิษที่ทำลายระบบประสาท และระบบโลหิตร่วมกัน พิษมีอันตรายถึงชีวิต

งูทับสมิงคลา, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูทับสมิงคลา (Malayan Krait)

งูทับสมิงคลา มีความยาวของลำตัวอยู่ระหว่าง 100 - 150 เซนติเมตร ลำตัวค่อนข้างกลม มีสีดำสลับขาวตลอดความยาวทั้งลำตัว มีเกล็ดสีดำแทรกในปล้องสีขาวเล็กน้อย มีการเลื่อยได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว มีพิษต่อระบบประสาท และมีความรุนแรงมากกว่างูสามเหลี่ยม

Note: สำหรับพิษของงูจงอาง และงูเห่า จะมีเอนไซม์ ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัด จึงทำให้มีอาการปวด บวมบริเวณที่ถูกกัด อาจพบบวมเป็นถุงน้ำ ต่อมาจะทำให้เนื้อเยื่อรอบแผลที่ถูกกัดตาย บางรายถึงกับต้องตัดอวัยวะนั้นทิ้งก็มี แต่ลำหรับงูสามเหลี่ยม และงูทับสมิงคลาจะไม่มีเอนไซม์ตัวนี้  

พิษงูที่มีฤทธ์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต (Hematotoxicity)

          พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบไหลเวียนโลหิต จะมีโปรตีน (Hemorrhagins protein) ซึ่งมีฤทธิ์ในการทำลายผนังเซลล์ด้านในของหลอดเลือด (Vessel endothelial cell) โดยธรรมชาติผนังด้านในของหลอดเลือดจะมีส่วนสำคัญในการสร้างลิ่มเลือด (Blood clot) เพื่อเป็นกลไกในการห้ามเลือดเมื่อเกิดการฉีกข้างของหลอดเลือด ดังนั้นเมื่อผนังเซลล์ด้านในของหลอดเลือดถูกทำลาย และเกิดการฉีดขาดของผนังหลอดเลือด กระบวนการห้ามเลือดจึงไม่เกิดขึ้น และเกิดการตกเลือดของอวัยะต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น

  • มีเลือดออกตามไรฟัน
  • มีเลือดออกตามผิวหนังเป็นปื้นๆ
  • มีเลือดออกทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจาระดำ
  • มีเลือดออกในสมอง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
  • มีเลือดออกในไตทำให้ปัสสาวะเป็นเลือด หรือเป็นสีน้ำตาล

         นอกจากนั้นพิษของงูกลุ่มนี้ ยังมีฤทธิ์ทำลายกลไกการแข็งตัวของเลือด ซึ่งโดยปกติเมื่อเราเกิดบาดแผลที่ส่วนใดของร่างกาย ระบบไหลเวียนโลหิตของเราจะสามารถสร้างลิ่มเลือดขึ้นมาเพื่ออุดที่ปากแผล เป็นการห้ามเลือดโดยธรรมชาติ แต่เนื่องจากฤทธิ์ของงูกลุ่มนี้สามารถทำลายกระบวนการห้ามเลือดดังกล่าว ดังนั้นเมื่อเกิดบาดแผลตามที่ได้กล่าวข้างต้น จะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตไม่สามรรถสร้างกลไกการห้ามเลือดได้ จะส่งผลให้เราไม่เสียเลือดรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตได้ งูกล่มนี้ประกอบด้วย

งูกะปะ, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูกะปะ (Malayan pit viper)

มีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม คอเล็ก ตำตัวอ้วน หางเรียวสั้น ความยาวอยู่ระหว่าง 50 - 80 เซนติเมตร มีเกล็ดค่อนข้างใหญ่ สีออกน้ำตาล มีลายบนหลังเป็นสีน้ำตามเข้ม ชอบออกหากินเวลากลางคืน ชอบซ่อนตัวในซากหรือเศษใบไม้ ซึ่งทำให้ตัวเองมีความกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม ช่วยให้หลบหลีกศัตรูได้ ในขณะเดียวกันก็เป็นการพรางตัวช่วยในการล่าเหยื่ออีกด้วย

งูแมวเซา, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูแมวเซา (Russel's viper)

มีลักษณะลำตัวอ้วนป้อม มีลำตัวและหางสั้น เวลาตกใจกลัวจะส่งเสียงขู่ โดยการสูบลมเข้าไปตัวแล้วพ่นลมออกมาทางจมูกทำให้เกิดเสียง แล้วม้วนตัวเป็นวงกลม เป็นงูที่มีตวามสามารถฉกกัดได้อย่างรวดเร็ว สีของลำตัวออกสีน้ำตาลอ่อน มีลายทรงรีสีน้ำตาลเข้มตลอดทั้งลำตัว ความยาวของลำตัวอยู่ระหว่าง 120 -160 เซนติเมตร ชอบซ่อนตัวในซอกหิน โพรงดิน หรือใต้กอหญ่าใหญ่

งูเขียวหางไหม้, ปฐมพยาบาลเบื้องต้น, อบรมปฐมพยาบาลออนไลน์ฟรี

งูเขียวหางไหม้ (Green viper snake)

มีหัวยาวทรงสามเหลี่ยม คอเล็ก ลำตัวอ้วนสั้น ปลายหางมีสีแดง ความยาวของลำตัวอยู่ระหว่าง 70-100 เซนติเมตร มีสีเขียวสดตลอดทั้งลำตัว เราเลยเรียกกันว่า "งูเขียวหางไหม้" พิษทำให้เกิดอาการได้เล็กน้อยจนถึงรุนแรงได้ มีนิสัยดุ จะฉกกัดเมื่อเราเข้าไปใกล้ ชอบอาศัยอยู่ตามชายคาบ้าน กองไม้ กระถางต้นไม้

เอกสารอ้างอิง
1. https://saovabha.org/service_saovabha/Snake-Classification
2. https://korat.zoothailand.org/animal_view.php?detail_id=215&c_id=47
3. https://www.youtube.com/watch?v=IkKuvEwi4D8
4. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6464270/
5. https://www.youtube.com/watch?v=MZPJII8XORo
6. https://www.nationalgeographic.com/animals/reptiles/facts/king-cobra
7. https://www.verywellhealth.com/cytotoxic-definition-and-examples-2249082
8. https://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/18051
9. https://www.si.mahidol.ac.th/department/biochemistry/home/md/lecture/hemostasis.pdf

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Scroll to Top